อาหารสุดฮิต

7 อาหารสุดฮิตติดเทรนด์ ที่ทำลายสุขภาพมากกว่าที่คิด

อาหาร คือ 1 ในปัจจัย 4 ที่สำคัญต่อการดำรงชีวิตของมนุษย์ ข้อเท็จจริงข้อนี้ทุกคนรู้ดี ยิ่งไปกว่านั้นทุกคนก็น่าจะรู้ด้วยเช่นกันว่าอาหารประเภทไหนที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย สมควรกินเป็นอย่างยิ่งเพื่อให้ได้สารอาหารที่มีประโยชน์ หรือก็คืออาหารหลัก 5 หมู่ รู้ว่าอาหารอะไรที่เหมาะกับการกินเล่นๆ เป็นครั้งคราวให้หายอยาก เพราะมันไม่ได้ให้สารอาหารที่จำเป็น รวมถึงการกินอาหารที่ไม่มีประโยชน์มากเกินไปก็จะเป็นโทษต่อร่างกาย

แต่จะมีสักกี่คนที่เคร่งครัดในเรื่องของการกินอย่างจริงจังและเข้มงวด เพราะมีคนจำนวนไม่น้อยที่เลือกกินอาหารตามความชอบและรสชาติมากกว่าจะมองคุณค่าและคุณภาพของอาหาร ผลที่ตามมาคือผลเสียต่อสุขภาพที่เคยรับเอาแต่อาหารที่ไม่มีประโยชน์ และอุดมไปด้วยต้นเหตุของโรคต่างๆ ที่มีคนป่วยเพิ่มขึ้นเป็นจำนวนมาก เช่น โรคหลอดเลือด โรคหัวใจ โรคเบาหวาน โรคอ้วน การตามใจปากมากเกินไปก็ทำให้สุขภาพร่างกายของตนเองแย่ลงในระยะยาว ตอนยังอายุน้อยๆ อาจจะยังไม่เห็นผลชัดเจน แต่จะไปแสดงออกตอนที่ร่างกายเริ่มเสื่อมสภาพไปตามวัย

นอกจากการกินตามใจปากตัวเอง อีกสิ่งที่น่ากังวลคือ การกินตามกระแส คือเห็นว่าช่วงนี้คนในสังคมกำลังฮิตกินอะไรก็ต้องไปหากินตามให้ได้ อยากรู้อยากลองอยากตามรอย เข้าแถวต่อคิวนานแค่ไหนก็ย่อมได้ ของแบบนี้มันเป็นเทรนด์อยู่ช่วงหนึ่งเมื่อเวลาผ่านไปคนเลิกเห่อ ร้านเหล่านั้นก็กลายเป็นร้านธรรมดาๆ ถ้าแค่ลองซื้อกินเพื่อให้รู้แล้วจบก็ดีไป แต่ถ้าอร่อยถูกปาก ติดใจขึ้นมา กลายเป็นกินบ่อย กินถี่ กินทุกวัน มันก็อาจเป็นโทษต่อร่างกายได้ หากอาหารประเภทนั้นไม่ได้ให้คุณค่าทางโภชนาการอะไรเลย

จำได้ไหมว่าสังคมเราเคยฮิตกินอะไรในช่วงเวลาหนึ่งบ้าง มาเช็กกันสักหน่อยว่าในเวลานี้เรายังกินมันอยู่หรือเปล่า อันที่จริงการกินอาหารเหล่านี้ก็ไม่ใช่เรื่องผิดหรือเรื่องแย่ เพียงแต่ต้องเข้าใจว่ามันไม่ใช่อาหารที่จะกินได้บ่อยๆ หรือกินทุกวัน เอาความอร่อยส่วนตัวเป็นที่ตั้ง หลายๆ อย่างมีโทษต่อร่างกายมากกว่าที่คิด แล้วสุดท้ายมันก็จะลำบากสุขภาพของเราเอง ในวันหนึ่งที่เราอาจเป็นโรคขึ้นมา เราอาจจะมีเงินรักษา แต่เราก็จะอยู่กับความทรมาน แล้วความรู้สึกผิดที่ไม่ดูแลสุขภาพ ที่ลึกๆ ในใจก็คงอยากจะย้อนเวลา ควบคุมตัวเองไม่ให้ตามใจปากมากขนาดนี้

7 อาหารสุดฮิตติดเทรนด์ ที่ทำลายสุขภาพมากกว่าที่คิด

1.ครัวซองต์

ถ้ายังจำกันได้ เมื่อไม่นานมานี้ บ้านเรามีกระแส “ครัวซองต์ฟีเวอร์” อยู่ช่วงหนึ่ง ที่จู่ๆ ครัวซองต์ก็ขายดีเป็นเทน้ำเทท่า ไปไหนก็มีแต่คนต่อแถวซื้อครัวซองต์ ไปห้างไหนก็จะต้องเจอร้านครัวซองต์เกลื่อน ในโซเชียลมีเดียก็มีทั้งรีวิวและคอนเทนต์ต่างๆ ที่เกี่ยวกับครัวซองต์มากมาย จนต้องไปซื้อมากินตาม แต่หลายคนไม่ทันระวังว่าขนมอบชนิดนี้มีแคลอรี่สูง โดยเฉพาะแคลอรีจากไขมัน ที่สำคัญยังมีเรื่องของไขมันทรานส์ จากการที่บางเจ้าอาจใช้มาการีนหรือเนยเทียม เป็นอาหารที่โซเดียมสูงแม้ไม่มีรสเค็ม ที่แน่ๆ คือทำให้อ้วนด้วย เพราะมีทั้งแป้งทั้งเนย

นั่นอาจทำให้คนที่ชอบซื้อครัวซองต์มากินเป็นมื้อเช้าอาจต้องตระหนักให้มากขึ้น เพราะเหมือนคุณกำลังฆ่าตัวตายทางอ้อม เมื่อนานมาแล้ว โยเซฟีน ฟอร์บส์ นักวิทยาศาสตร์แห่งสถาบันโรคหัวใจและเบาหวานเบเกอร์ ไอดีไอ ของออสเตรเลีย ก็เคยเตือนว่าครัวซองต์คือหนึ่งในอาหารที่กินแล้วทำให้แก่เร็วและเกิดโรคภัยเรื้อรัง อย่างโรคหัวใจและเบาหวาน ผิวหนังเหี่ยวย่นและเปลี่ยนสี เพราะมีสารพิษตกค้างในปริมาณที่สูงเกินมาตรฐาน ทั้งสารฟอกขาว สารกันรา สารกันบูด สารเสริมแต่ง น้ำตาลเทียม เนยเทียม สารแต่งกลิ่น ฯลฯ

2.โดนัท

ขนมหวานสุดโปรดของใครหลายๆ คน ที่ครั้งหนึ่งคุณอาจเคยไปยืนต่อแถวรอนับชั่วโมงเพื่อที่จะซื้อโดนัทเจ้าหนึ่งที่เพิ่งมาเปิดในไทย ซึ่งในเวลานั้นมีขายอยู่เพียงสาขาเดียวก็เป็นได้ (ทุกวันนี้ก็เป็นเพียงร้านขายโดนัทปกติไปแล้ว) นอกจากนี้ก็ยังมีโดนัทเจ้าอื่นๆ อีก ถามว่าอร่อยไหม ตอบเลยว่าอร่อยมาก แต่…ของที่ตามมาด้วยโดยที่เราไม่ทันคิดก็คือ แคลอรีที่สูงหนักหน่วงมากเมื่อเทียบกับชิ้นแค่นั้น ก็เพราะว่ามันเป็นขนมที่เอาแป้งไปทอด แล้วแป้งโดนัทที่เอาไปทอดยังอุดมไปด้วยน้ำตาล ไข่ นม เนย น่าจะเห็นภาพแล้วว่าพลังงานมันมาจากไหน

ใช่แล้ว ที่กล่าวถึงเมื่อครู่คือแค่แป้งโดนัท ที่ทอดขึ้นมาเป็นชิ้นเปล่าๆ เปลือยๆ ยังไม่ได้ราดสารพัดหน้าที่มีความหวานเป็นส่วนประกอบหลัก ช็อกโกแลตบ้าง ครีมบ้าง แล้วชิ้นที่สอดไส้ข้างในอีกล่ะ แน่นอนว่าการกินโดนัทชิ้นเดียวไม่พออิ่มอยู่แล้ว ถ้ากินเอาอิ่มต้องกินกี่ชิ้น ก็คูณพลังงานเข้าไป ผลออกมาสูงกว่าการกินข้าวจานเดียวให้อิ่มเลยด้วยซ้ำ แต่ก็นะ เรื่องความอร่อยมันแทนกันไม่ได้ ก็ต้องกินอย่างพอดี กินแค่ตอนที่รู้สึกอยากก็พอ

3.มันฝรั่งทอด

มันฝรั่งที่เป็นหัวๆ น่ะมีประโยชน์ต่อร่างกายมากกว่าที่คิด แต่เวลาที่พูดถึงมันฝรั่ง คนไม่ค่อยนึกถึงเวลาที่มันอยู่สภาพนั้น เพราะเรามักจะคุ้นเคยกับมันฝรั่งทอดในรูปแบบของขนมกรุบกรอบหรือเฟรนซ์ฟรายมากกว่า นี่แหละคือตัวร้ายทำลายสุขภาพ ฉะนั้น วิธีการปรุงรส การทำให้สุก รวมถึงท็อปปิ้งที่กินคู่กับมันต่างหากที่เป็นปัญหา ทั้งทอด โรยเกลือ ราดชีส (ราดแล้วราดอีก) ปรุงรสผงเครื่องปรุงรสชาติต่างๆ และเฟรนซ์ฟรายแช่แข็งสำเร็จรูปก็อาจมีสารกันบูดด้วย การกินมันฝรั่งทอดจากร้านเจ้าดัง นอกจากอร่อยแล้ว ยังได้ไขมันและโซเดียมเป็นของแถมเต็มๆ

ข้อควรระวังในการกินมันฝรั่ง ควรใส่ใจกับวิธีทำให้สุก หากมาด้วยวิธีการทอด ก็ควรจะหลีกเลี่ยงหรือกินให้น้อยที่สุด กินแต่พอดี หรือใส่หม้อทอดไร้น้ำมันไปเลยหากอยากกินแบบทอด ลดการปรุงรสเพิ่มเพื่อเพิ่มความนัว คนที่มีโรคประจำตัวก็ควรระมัดระวังในการกิน รู้ว่าอร่อยแต่ต้องป้องกันตัวเองจากโรคอ้วน เบาหวาน ความดันโลหิตสูง หัวใจขาดเลือด หลอดเลือดหัวใจตีบ ไขมันอุดตันเส้นเลือด หรือตับทำงานผิดปกติด้วย

4.ชีส

จริงๆ แล้ว ชีสแท้ๆ ไม่ได้เป็นวายร้ายอะไรต่อสุขภาพ ออกจะมีประโยชน์ต่อร่างกายด้วยซ้ำไป แต่ปัญหามันอยู่ที่ปริมาณในการกินและประเภทของชีสที่กิน เพราะหลายคนเพลิดเพลินกับสารพัดชีสราด ชีสดิป ที่มาพร้อมกับอาหารฟาสต์ฟู้ดประเภทอย่างอื่น ทั้งจิ้ม ทั้งราด ยิ่งเยิ้มยิ่งทะลักก็ยิ่งอร่อย ชีสประเภทนั้นผ่านการปรุงแต่งมาอีกต่อหนึ่ง ที่อาจใส่เกลือ น้ำเชื่อม หรือสารแต่งรสแต่งกลิ่นอื่นๆ เพิ่มเข้าไป ให้รสชาติอร่อยนัว และเนื่องจากชีสก็เป็นอาหารที่มีพลังงานสูง ไขมัน และโซเดียมสูง มันจึงไม่ใช่อาหารที่ร่างกายต้องการอะไรมากมายขนาดนั้น

ฉะนั้น จะกินเพื่อให้ได้ประโยชน์ก็ต้องจำกัดปริมาณ การกินอะไรที่มากเกินไปก็ก่อให้เกิดโทษได้ทั้งนั้น เพิ่มความเสี่ยงในการเป็นโรคหัวใจ ความดัน และโรคอ้วนเข้าไปอีก กินแค่พอหอมปากหอมคอ นอกจากนี้ก่อนกิน หากเลือกได้ก็สังเกตปริมาณเกลือที่เป็นส่วนผสมดูสักหน่อย เลือกที่มีปริมาณเกลือต่ำ เพื่อไม่ให้ร่างกายได้โซเดียมมากจนเกินไปซึ่งจะกลายเป็นโทษต่อร่างกายในภายหลัง

5.ชาไข่มุก

มีอยู่ช่วงหนึ่งไม่นานมานี้ ที่เป็นเทรนด์ “ใดๆ ในโลกล้วนไข่มุก” คือการสรรหาเอาไข่มุกจากชาไข่มุกมาใส่เมนูอาหารสารพัด ของหวานยังพอทน แต่ใส่ของคาวนี่เริ่มรับไม่ได้ ผลที่ออกมาก็กินได้บ้างไม่ได้บ้าง ส่วนเมนูชาไข่มุกดั้งเดิม ณ เวลานี้ก็ยังคงเป็นที่นิยมอยู่ แม้ว่ากระแสจะแผ่วลงมาบ้างแล้ว สาเหตุที่ทำให้หลายคนติดก็เพราะมันหวาน หอม มัน อร่อย เหมาะกับอากาศบ้านเรา กินแล้วสดชื่นดับกระหายได้ดี ไข่มุกที่เป็นแป้ง ก็ทำให้รู้สึกอิ่มท้องด้วย (แต่ไม่นาน) คนที่รีบๆ ไม่มีเวลานั่งกินข้าวจึงชอบซื้อกิน แค่แก้วเดียวกินที่ไหนก็ได้ อิ่มด้วย (และอ้วนด้วย)

ถ้าอย่างนั้น ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าชาไข่มุกมีโทษต่อร่างกายแน่ๆ ถ้ากินอย่างไม่ระมัดระวัง เพราะแค่เราหยิบแก้วขึ้นมาดูดก็รับรู้ได้ว่าร่างกายรับเอาน้ำตาลเข้าไปมหาศาล แบบพ่นไฟ ลาวา บราวน์ชูการ์ เพิ่มวิปครีม ก็ยิ่งทวีคูณเข้าไปใหญ่ นี่ยังไม่นับรวมแป้งจากไข่มุกเลยนะ บางคนชอบสั่งเพิ่มไข่มุกด้วย สั่งมาหนึ่งแก้วเล่นเอาไม่กล้านับแคลอรีเลยทีเดียว เอาเป็นว่าดื่มแต่พอควร นานๆ กินครั้งแค่พอหายอยากก็พอ

6.ฟาสต์ฟู้ดหรือจังก์ฟู้ด

อาหารประเภทนี้ยังคงขายดิบขายดีเรื่อยมา เดินเข้าร้านไปก็ไม่ค่อยจะมีที่นั่งเหลือสักเท่าไร ด้วยความที่รสชาติก็อร่อยดี ราคาก็เริ่มจับต้องได้เมื่อเทียบกับรายได้ หากินง่ายมีแฟรนไชส์อยู่ทั่วไป แถมในเวลาที่รีบๆ มันก็ช่วยให้เราอิ่มท้องได้ง่ายและเร็วด้วย คนก็เลยเรียกมันว่าอาหารจานด่วน แต่ก็อย่าลืมว่ามันมีอีกชื่อว่าอาหารขยะ การจะเรียกมันว่าอาหารขยะได้ คือเราก็รู้ดีว่ามันเป็นอาหารที่ไม่ได้มีประโยชน์อะไรต่อร่างกายหรอก แต่ที่กินกันก็เพราะตามสมัยนิยม สังคมสมัยใหม่ต้องการความสะดวก รวดเร็ว และง่าย ที่สำคัญมันก็น่ากินในบางครั้ง

หลายคนอาจเข้าใจว่าในเบอร์เกอร์ 1 อัน ก็มีสารอาหารครบถ้วนนี่นา เนื้อก็ได้ ผักก็มี ขนมปังก็แป้ง แต่อย่าลืมว่านั่นเป็นเนื้อแปรรูป ที่มันก็ไม่ได้ดีต่อสุขภาพเท่าไร ผักที่ให้มาแค่ลมพัดก็อาจปลิวหายไป ดีไม่ดีผักไม่สะอาดด้วย เมื่อลองเทียบสัดส่วนแป้ง เนื้อสัตว์แปรรูป เกลือ น้ำตาล ไขมัน สารกันเสีย และผักแล้ว พอจะเห็นภาพไหมว่ามันอาจไม่มีคุณค่าทางโภชนาการเลยก็เป็นได้

7.ชาบู/หมูกระทะ/ปิ้งย่าง

นี่อาจไม่ใช่อาหารที่เป็นกระแส (โดยเฉพาะหมูกระทะที่กินกันมาแต่ไหนแต่ไร) แต่เป็นอาหารสำหรับเยียวยาจิตใจโดยเฉพาะ ถึงอย่างนั้น ก็ไม่ควรจะหวังใช้อาหารเหล่านี้มาเยียวยาจิตใจบ่อยๆ แบบหากินทุกสัปดาห์ แบบนี้ก็ไม่ไหว มันก็มีโทษอยู่เหมือนกัน เพราะอาหารประเภทนี้อุดมไปด้วยไขมันและโซเดียมที่ค่อนข้างสูง จึงไม่เหมาะที่จะกินบ่อยๆ ไขมันที่เราได้รับจากอาหารประเภทนี้ อาจนำไปสู่โรคเรื้อรัง เช่น โรคหัวใจ ส่วนโทษของการกินอาหารที่มีโซเดียมในปริมาณมากเกินไป ก็เพิ่มความเสี่ยงเกี่ยวกับความดันโลหิตและเป็นอันตรายต่อไตอีกด้วย

พอบอกแบบนี้ หลายคนอาจรู้สึกใจสลายที่ต้องขอห่างเมนูโปรดสักพัก ต้องงดเว้นจากน้ำซุปร้อนๆ ที่มาพร้อมกับเนื้อสัตว์ต่างๆ ผักสดนานาชนิด และที่เด็ดสุดคือน้ำจิ้มสูตรเด็ดของแต่ละร้าน เอาเป็นว่าต่อไปก็เข้าหาแค่ช่วงที่รู้สึกอยากมากๆ ก็พอ หรือถ้ายังตัดใจไม่ลง ก็ค่อยๆ ลดความถี่ลง ระหว่างนั้นก็เลือกกินให้มากขึ้น พิถีพิถันเลือกน้ำซุป ลดปริมาณของทอดและพวกเนื้อแปรรูป เลือกของสดที่แคลอรรี่ต่ำ ไขมันน้อย เน้นผักให้มากขึ้น ส่วนน้ำจิ้มลดได้ก็ลด

tags :https://www.sanook.com/health/31461/

Facebook

Similar Posts