Tim Cook

Tim Cook จากลูกช่างต่อเรือ สู่ CEO Apple เติบโตมา อย่างไร?

Tim Cook จากลูกช่างต่อเรือ สู่ CEO Apple เติบโตมา อย่างไร?

“ผมปฏิเสธข้อเสนอให้ไปร่วมงานจาก ทีมงานของสตีฟ จอบส์ หลายครั้ง แต่ในครั้งสุดท้าย เมื่อผมได้พบและพูดคุยกับ สตีฟ จอบส์ ผมใช้เวลาไม่ถึง 5 นาทีในการตอบรับเข้ามาร่วมงานกับ Apple” นี่คือ คำพูดของ ทิม คุก

ถ้าย้อนกลับไปเมื่อเกือบ 10 ปีที่แล้ว เราอาจจะรู้จัก ทิม คุก ในฉายา “เงาของ สตีฟ จอบส์” แต่รู้ไหมว่า Apple ภายใต้การบริหารของ ทิม คุก ในตอนนี้กำลังพุ่งทะยานสู่การเป็นผู้นำเทรนด์เทคโนโลยีของโลกแบบฉุดไม่อยู่เลยจริงๆ ในแบบที่ใครหลายคนอาจคิดไม่ถึงมาก่อน ว่าเขาจะทำหน้าที่แทน สตีฟ จอบส์ ได้ดีมากๆขนาดนี้..

รายได้ตั้งแต่ปีที่ Tim Cook เข้ามาบริหารให้บริษัท Apple

  • ในปี 2011 Apple มีรายได้ 3.2 ล้านล้านบาท
  • ในปี 2020 Apple มีรายได้ 8.2 ล้านล้านบาท
  • คิดเป็นการเติบโตของรายได้ 2.6 เท่า หรือเฉลี่ย 13.6% ต่อปี

นอกจากผลประกอบการที่เป็นเครื่องพิสูจน์ความสำเร็จแล้ว ทิม คุก ยังเป็นผู้พัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ที่ก้าวพ้นเงาการคิดค้นของ สตีฟ จอบส์ อย่างเช่น Apple Watch และ หูฟังไร้สาย AirPodsนั้นเอง

“ทิโมที โดนัลด์ คุก” หรือ ทิม คุก เกิดวันที่ 1 พฤศจิกายน ในปี 1960 ที่เมือง โมบีล รัฐแอละแบมา สหรัฐอเมริกา

โดยคุณพ่อของ ทิม คุก ในขณะนั้น เป็นลูกจ้างให้กับบริษัทซ่อมแซมเรือของกองทัพในแอละแบมา ส่วนคุณแม่เป็นพนักงานในร้านขายยาแห่งหนึ่ง ทิม คุก เข้าโรงเรียนมัธยมศึกษาที่ ณ โรงเรียนในรัฐแอละแบมา ซึ่งเขาได้รับการยอมรับจาก คุณครู และเพื่อนๆ ว่าเป็นเด็กที่ขยันที่สุดของชั้นปี โดยนิสัยของเขาในตอนนั้นคือ ชอบอ่านหนังสือเป็นชีวิตจิตใจ และชอบการคิดวิเคราะห์ ที่เกี่ยวกับการคำนวณ อย่างวิชาคณิตศาสตร์ มีความขยันที่อยากจะเรียนรู้ และสามารถแก้โจทย์ปัญหาที่ยากๆ ได้ดีมากๆ เราอาจจะคิดว่าเขาเหมือนเด็กเนิร์ดคนหนึ่ง ที่ชอบอยู่กับแต่หนังสือ แต่ความจริงแล้ว เขาเป็นเด็กที่ขี้เล่น มีอารมณ์ขัน และชอบการเล่นกีฬาเป็นชีวิตจิตใจเลย

ทิม คุก มีความเชื่อตั้งแต่เด็กๆ ว่า การใช้ชีวิตให้สมดุล ทั้งเรียนรู้ให้เต็มที่ และ เล่นให้เต็มที่ จะทำให้เขาพัฒนาตัวเองได้รวดเร็วยิ่งขึ้นกว่าเดิม และนั่นเองเลยทำให้เขาในวัยเด็ก เป็นคนที่ทั้ง “เรียนเก่ง” และ “เล่นเก่ง” ในเวลาเดียวกัน

เขาเริ่มนำความเก่งของเขามาสร้างเป็นรายได้ โดยเริ่มจากการลงแข่งขันกีฬาต่างๆ เพื่อหารายได้เสริม เช่น แข่งขันฟุตบอล นอกจากนั้นแล้ว เขาก็ยังทำงานพาร์ตไทม์ เช่น เป็นเด็กส่งหนังสือพิมพ์ ทำงานในร้านอาหาร และช่วยงานแม่ที่ร้านขายยา เขาสร้างรายได้ในวัยเรียนจากงานอื่นๆ อีกมากมาย

ชีวิตช่วงวัยรุ่นของ Tim Cook

ไม่ได้เติบโตมาอย่างสง่างามเหมือนผู้บริหารหลายๆ คน ในซิลิคอนแวลลีย์ สักเท่าไรนัก เพราะ คุก ต้องเผชิญทั้งการเหยียดสีผิว การเหยียดเพศอย่างรุนแรง เพียงเพราะในขณะนั้น ทิม คุก ได้ยอมรับว่า เขาเป็นเกย์ เขายืนยันด้วยความเชื่อมั่นว่า การมีเพศสภาพที่ไม่ปกติ ไม่ใช่เรื่องผิดเพียงแต่สังคมต้องให้การยอมรับ และปฏิบัติต่อทุกเพศสภาพอย่างเท่าเทียม ทำให้เขาเป็นคนที่ยืนหยัดต่อสู้กับความไม่เป็นธรรมในเรื่องนี้มาโดยตลอด และทำให้เขามีบุคลิกแห่งความเป็นผู้นำที่โดดเด่นมากอย่างหนึ่ง คือ “ความเห็นอกเห็นใจผู้อื่น” ก็ได้ส่งผลต่อสไตล์การบริหารคนที่ Apple ถึงทุกวันนี้นั่นเอง

Tim Cook การพลาดโอกาสครั้งสำคัญที่สุดในชีวิต

ก่อนหน้านี้ สตีฟ จอบส์ ได้ให้ทีมงานของเขา ติดต่อและชักชวนให้ ทิม คุก มาร่วมงานที่ Apple หลายครั้ง แต่เขาก็ปฏิเสธไปทุกครั้ง โดย ทิม คุก ให้เหตุผลว่า “ผมยังมีความสุขดีที่ Compaq” และทุกคนที่รู้จักเขาต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า “คุณควรอยู่ที่นี่ และการไปร่วมงานกับ Apple จะเป็นการตัดสินใจที่โง่เขลาสิ้นดี” จุดเปลี่ยนวันที่ 11 สิงหาคม ปี 2011 สตีฟ จอบส์ ได้ติดต่อตรงมาหา คุก และขอนัดพบเพื่อพูดคุย และชักชวนให้ไปร่วมงานกับแอปเปิลอย่างเป็นทางการ ในตำแหน่ง รองประธานอาวุโสฝ่ายปฏิบัติการ (senior vice president for worldwide operations)

หลังจากการพูดคุยในครั้งนั้น ทิม คุก ก็รู้ทันทีว่า การปฏิเสธการเข้าร่วมงานกับ Apple คือการพลาดโอกาสครั้งสำคัญที่สุดในชีวิต เขาจึงตัดสินใจลาออกจาก Compaq เพื่อมารับตำแหน่งที่ Apple ในฐานะผู้อํานวยการอาวุโส เขาก็ตอบรับในข้อเสนอนั้นทันที เพราะเห็นถึงวิสัยทัศน์อันก้าวไกล และมุมมองที่แหลมคมในตัว สตีฟ จอบส์ ที่มุ่งมั่นจะสร้าง Apple ให้เป็นผู้ปฏิวัติเทคโนโลยีของโลก

และหลังจากที่ สตีฟ จอบส์ ได้ลาโลกนี้ไปในปี 2011 ทิม คุก คนนี้ ก็คือไพ่ใบสำคัญที่ จอบส์ ได้ทิ้งเอาไว้ และเขาก็สานต่อหน้าที่นั้นต่อมาจนถึงวันนี้ ในแบบที่ สตีฟ จอบส์ จะต้องไม่ผิดหวังอย่างแน่นอน รากฐานแห่งความสำเร็จ ของ ทิม คุก คืออะไร?

สรุปได้ว่า ถ้าเรียนให้เต็มที่ เล่นก็ต้องเต็มที่ อย่าหยุดมองหาสิ่งโอกาสในการทำสิ่งใหม่ๆ เหมือนที่เขามองมองหาวิธีสร้างรายได้ใหม่ๆ ตลอดเวลาในวัยเด็ก ซึ่งสิ่งเหล่านี้ ได้กลายมาเป็นพื้นฐานความคิดสร้างสรรค์ ในการสร้างนวัตกรรมใหม่ๆ ของ Apple ในทุกวันนี้ ทั้งหมดนี้ ก็คือเรื่องราวการเติบโตสั้นๆ ของ ทิม คุก CEO ปัจจุบันของ Apple ที่ในวันนี้เขาได้พิสูจน์ให้ทั้งโลกได้เห็นแล้วว่า เขาไม่ใช่คนที่หลบอยู่ใต้เงา ในด้านนวัตกรรม อย่าง สตีฟ จอบส์ อีกต่อไปแล้ว

แต่เขาคือคนที่สามารถพา Apple ผงาดขึ้นเป็นบริษัทที่มีมูลค่าสูงสุดในโลกได้ ด้วยสไตล์การบริหาร ที่สะท้อนออกมาจากตัวตนของเขาเอง

โดยปัจจุบัน ทิม คุก ถือหุ้น Apple อยู่จำนวน 847,969 หุ้น ซึ่งราคาหุ้น Apple ณ ปัจจุบันเท่ากับ 503 ดอลลาร์สหรัฐต่อหุ้น หมายความว่ามูลค่าหุ้น Apple ที่เขาถืออยู่มีมูลค่ากว่า 13,400 ล้านบาท

 

Similar Posts