Hyundai และ Apple ดีลพัฒนารถไฟฟ้าอาจ ‘ล่ม’
Hyundai และ Apple ดีลพัฒนารถไฟฟ้าอาจ ‘ล่ม’
โปรเจกต์การพัฒนารถไฟฟ้าของ Apple เริ่มมีเครื่องหมายคำถามมากขึ้นเรื่อยๆ เพราะแม้ในตอนแรกรายงานข่าวจะนำเสนอว่า ‘ฮุนได’ มีโอกาสสูงที่จะเข้าวินเป็นพาร์ตเนอร์ผลิตรถ EV ให้กับพวกเขา แต่สุดท้ายกระแสข่าวดังกล่าวก็ดูจะพลิกไปพลิกมาในทุกๆ วินาที
ล่าสุดวันนี้ (8 กุมภาพันธ์) Asian Nikkei เผยว่า ฮุนได ได้ออกมาปฏิเสธแล้วว่าพวกเขาไม่ได้มีการพูดคุยกับ Apple ถึงโปรเจกต์การพัฒนา ‘รถยนต์ขับเคลื่อนอัตโนมัติ’ (Self-driving Car) แต่อย่างใด (ในกรณีนี้ไม่ได้หมายถึงรถไฟฟ้า) โดยบอกว่าพวกเขาได้รับความสนใจจากบริษัทจำนวนมากในสหรัฐฯ ที่สนใจอยากจะพูดคุยถึงความร่วมมือการพัฒนารถไฟฟ้ากับพวกเขา เพียงแต่ยังไม่ได้ตัดสินใจ
บริษัทของพวกเราไม่ได้พูดคุยกับ Apple ถึงการร่วมกันพัฒนารถยนต์ขับเคลื่อนอัตโนมัติต่อแล้ว แต่บริษัทของเรายังคงได้รับความสนใจจากบริษัทจำนวนมากที่อยากจะร่วมพัฒนารถไฟฟ้าแบบขับเคลื่อนอัตโนมัติร่วมกับเรา ซึ่งกระบวนการต่างๆ ยังคงอยู่ในช่วงเริ่มต้นเท่านั้น เรายังไม่ได้ตัดสินใจใดๆ ทั้งสิ้น การเปิดเผยในครั้งนี้ของ Hyundai สอดคล้องกับรายงานเมื่อสัปดาห์ที่แล้วที่ Reuters และ Bloomberg ระบุว่า ฮุนได และ Kia (บริษัทลูกในเครือ) ได้ยุติการพูดคุยเจรจาดีลพัฒนารถไฟฟ้าให้กับ Apple ลงเป็น ‘การชั่วคราว’ จนถึงปัจจุบัน ดีลดังกล่าวดูจะไม่มีความคืบหน้าใดๆ ทั้งสิ้น
ขณะที่หลังจากรายงานข่าวนี้ได้เปิดเผยออกไป หุ้นของ ฮุนได และ Kia ในตลาดหุ้นเกาหลีใต้ก็ปรับลดลงอย่างหนัก โดยราคาหุ้น ฮุนได และ Kia ล่าสุด อยู่ที่ 238,500 วอน และ 88,900 วอน ตามลำดับ ปรับลดลงจากวันเปิดตลาดก่อนหน้าที่ 4.41% และ 12.41%
Bloomberg รายงานอีกว่า Apple เองก็ไม่ได้รู้สึกปลื้มกับท่าทีของ ฮุนได สักเท่าไร โดยเฉพาะการที่พวกเขามักจะออกมาให้ข้อมูลกับสื่อมวลชน หรือการเปิดเผยรายละเอียดต่างๆ ของการพูดคุยกับบิ๊กเทคฯ จากซิลิคอนวัลเลย์ผ่านเอกสารที่นำเสนอต่อนักลงทุนอยู่ตลอดเวลา ซึ่งขัดกับลักษณะการดำเนินธุรกิจของ Apple ที่เลือกจะเก็บความลับของโปรเจกต์พัฒนารถไฟฟ้านี้มานานแรมปีด้วยเหตุผลหลายประการ รวมถึงความสามารในการควบคุมสายสัมพันธ์กับบรรดาซัพพลายเออร์อย่างมีประสิทธิภาพ
“แบรนด์ยักษ์ใหญ่ทั่วโลกต่างก็มีความต้องการที่จะเร่งฝีมือตัวเอง เพื่อเข้าสู่ตลาดรถยนต์ไฟฟ้าไร้คนขับผ่านความร่วมมือกับค่ายรถยนต์เพื่อเพิ่มความได้เปรียบเชิงการผลิตแบบ Economies of Scale”
